
วิธีที่นักปฏิวัติสังคมจะเลือกแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่สังคมใหม่ที่ดีกว่า
มีอยู่สองแนวทางหรือสองทฤษฎีการปฏิวัติสังคม
๑.ทฤษฎีปฏิวัติแบบตรงไปตรงมา หลักการไม่มีอะไรมากใช้อำนาจปากกระบอกปืนเข้าไปยึดอำนารัฐเก่าแบบนี้ไม่ซับซ้อนตรงไปตรงมา
เพราะนักปฏิวัติรุ่นเก่ารุ่นแก่ได้สรุปไว้เป็นบทเรียนที่ตายตัวเลยว่า
“อำนาจรัฐไม่ได้มาโดยการร้องขอหรือกราบไหว้” “อำนารัฐเกิดจากปากกระบอกปืน”
เมื่อได้อำนาจรัฐมาแล้วจึงเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่สังคมที่ต้องการโดยปลูกฝังความคิดให้กับสังคม
เช่นทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบทุนนิยมธรรมาภิบาล เศรษฐศาสตร์แบบสังคมนิยม
หรือเศรษฐศาสตร์แนวพุทธ
รัฐบาลของลุงตู่ก็ใช้กระบวนการตามทฤษฎีในข้อนี้
ฝ่ายประชาชนที่เชียร์ลุงตู่ก็ต้องลุ้นกันตัวโก่งว่าจะไปได้ตลอดลอดฝั่งหรือเปล่า บางคนเมื่อเห็นอาการแล้วก็กล้าพนันเลย “ร้อยหนึ่งเหยียบขี้หมาหนึ่งกอง”
เช่นเรื่องการปฏิรูปตำรวจ การปฏิรูปพลังงาน
เรื่องการจำนำข้าวของรัฐบาลนังปู เรื่องธรรมกายเป็นต้น
๒.ทฤษฏีตีสองหน้าที่ปฏิวัติ
แนวทางนี้เสี่ยงและอันตรายมาก
ถ้าผู้นำไปปฏิบัติไม่มีจุดยืนและมีอุดมการณ์ที่มั่นคงจริงๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องตีกิน
เคลื่อนไหวตามน้ำเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง เพราะต้องเอาตัวเองเข้าไปเป็นองค์ประกอบใจกลางของภาวะวิสัยของสังคม
เพื่อเป็นตัวเร่งเงื่อนไขภายในของสังคมให้สุกงอมเร็วขึ้นที่จะเปลี่ยนแปลงด้านปริมาณเป็นคุณภาพไปสู่ภาวะวิสัยใหม่แต่จะต้องวิเคราะห์เงื่อนไขภายในให้ถูกต้องและแม่นยำ
เช่นต้องวิเคราะห์เงื่อนไขภายในให้ถูกต้องว่าไข่ที่จะนำมาฝักให้ออกเป็นตัวไก่ได้นั้นจะต้องมีเชื้อของพ่อไก่แม่ไกที่ผสมพันธ์อย่างสมบูรณ์
ไม่ใช่เป็นก้อนหินกลมๆหรือไข่ไม่มีเชื้อพันธุ์ นักปฏิวัติสังคมที่ใช้ทฤษฎีนี้
จะต้องเข้าไปปฏิบัติการให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับการฝักเป็นตัวของไข่ฟองนั้น
ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความชื้น อากาศ การพลิกตัวของฟองไขในมุมต่างๆ
เพื่อให้ได้ฝักออกมาเป็นตัวไก่ได้อย่างสมบูรณ์
นักปฏิวัติจะต้องมีองค์ความรู้อย่างรอบด้าน
และจะต้องกำหนดเงื่อนไขให้ถูกต้องและเป็นวิทยาศาสตร์ และต้องเป็นฝ่ายกระทำอย่างช่วงชิงโอกาสไม่ใช้ทำตัวเป็นนักฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเอง
งานปฏิวัติสังคมเป็นงานที่มีเกียรติ์และยิ่งใหญ่
จะต้องเสียสละและยึดมั่นในอุดมการณ์อย่างแรงกล้า.....ขอให้การปฏิวัติจงเจริญ......!!!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น