การเลือกตั้งครั้งนี้ 24 มีนาคมยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ใครจะจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อไรนั้นมันเป็นการเช็คบาลานซ์ทางอำนาจก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยากนัก แต่การเคลื่อนไหวทั้งสองฝั่งของด้านตรงกันข้ามมันมีรายละเอียดที่น่าจะนำมาศึกษาวิเคราะห์ไว้เป็นบทเรียนอย่างยิ่ง ที่ปรากฎเห็นได้ชัดไม่ต้องวิเคราะห์มากนักก็คือ ภาววิสัยของสังคมไทยได้เคลื่อนมาสู่จุดสูงสุดของสองด้านแห่งความขัดแย้ง ซึ่งมันเป็นกฎทั่วไปของกฎธรรมชาติหรือกฎของวัตถุนิยมประวัติศาสตร์และวัตถุนิยมวิภาษวิธีนั่นก็คือกฎแห่งองค์ธรรมทั้งสาม “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” อันเป็นความจริงแท้ของสรรพสิ่งทั้งหลายในมหาจักรวาล ทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต กล่าวคือสิ่งทั้งหลายไม่สามารถตั้งอยู่ได้ตลอดไปจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากความขัดแย้งทั้งจากภายนอกและภายใน ทำให้ไม่สามารถยึดถือเอาไว้ได้ เป็นกฎธรรมชาติตามความหมาย ที่แท้จริง…...เพื่อทำความเข้าใจและดัดแปลงตนเองในฐานะมนุษย์อันเป็นหน่วยหนึ่งของสังคม ต้องขจัดความเป็นอวิชชาคือความไม่รู้สิ่งที่จริงแท้และความมีกิเลสไปสู่ความรู้จริงตามภาววิสัยก็คือ “ปัญญา” ตามหลักของธรรมนิยาม “มนุษย์และมนุษย์เท่านั้นที่สามารถใช้ความเพียรเรียนรู้และพัฒนาด้านจิตวิญญาณจนสามารถรู้แจ้งและดัดแปลงตัวเองไปตามความเป็นจริงของสรรพสิ่งทั้งหลายตามภาววิสัยนั้นๆได้อย่างถึงที่สุด”........เมื่อภาววิสัยมันบ่งชี้ให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงอย่างนี้ว่าสังคมนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงแล้ว การที่จะคงอยู่แบบเดิมๆกับสังคมอันผุพังและเน่าเสียทั้งโครงสร้างชั้นบนอันเป็นโครงสร้างด้านความเชื่อความศรัทธาและจิตวิญญาณตลอดจนโครงสร้างทางอำนาจรัฐการบริหารราชการแผ่นดินแบบเดิมๆ ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว หากหน่วยประกอบของสังคมไม่ดัดแปลงตนเองทางอัตวิสัยให้สอดคล้องกับภาววิสัยที่มาถึงจุดแตกหักที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในชนชั้นปกคลองทั้งหลายและหมายรวมทั้งทางด้านเศรษฐกิจที่กางถ่างให้แตกต่างกันมากขึ้น นั่นคือความขัดแย้งทางชนชั้นจะก่อวิกฤติยิ่งขึ้นถ้าปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรมของมัน เมื่อถึงวันนั้นการพังทลายทั้งสังคมจะเกิดขึ้นแล้วทุกคนจะไม่มีโอกาสแม้จะพูดคำว่า “เสียใจ”
พุทธคือวิถีแห่งปัญญา (ตอนที่ ๒) ถ้าหากจะต้องจัดลำดับใหม่ให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น มรรคที่มีองค์ประกอบ ๘ ประการดังกล่าวก็คือ สิกขา ๓ หรือไตรสิกขาที่เรียกว่า อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญาสิกขา สิกขา ตามความหมายของพุทธนั้น คือ กระบวนการรับรู้หรือเรียนรู้ที่ผ่านการปฏิบัติและได้ประจักษ์แจ้งจริง ส่วน อธิ นั้นหมายถึง ใหญ่ หรือสำคัญ ดังนั้น อธิและสิกขาก็คือการเรียนรู้ยิ่งขึ้นไปของศีล จิตต (สมาธิ) และปัญญา อันเป็นลักษณะพลวัตของไตรสิกขาดังกล่าว หรือกล่าวโดยย่อก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา คือ องค์ประกอบสำคัญที่จำเป็นจะต้องมีการพัฒนายิ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อการบรรลุนิพพานนั่นเอง จึงจำแนกได้ดังนี้ ดังนั้นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่จะยกระดับจิตของมนุษย์ก็คือปัญญาซึ่งเป็นจุดเน้นที่สำคัญที่สุดของพุทธธรรมและเนื่องจากปัญญามีความสำคัญที่สุดกระบวนการสร้างปัญญาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งจุดนี้เป็นจุดที่ขาดหายไปจากการวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มนุษยนิยม เพื่อการเข้าใจที่ชัดเจนของกระบวนการยกระดับหรือสร้างเสริมทาง...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น