ต้องใช้โยนิโสมนสิการอย่างแยบยลในการยึดอำนาจรัฐและปกป้องอำนาจรัฐใหม่ของมวลมหาประชาชน
ในสถานการณ์การปฏิวัติด้วยพลังมวลมหาประชาชนต้องยอมรับการนำของกำนันสุเทพให้เป็นการนำที่
สัมบูรณ์ ซึ่งได้รับการกลั่นกลองกระบวนการทางความคิดและกระบวนการทางข้อมูลต่างๆจากกลุ่มแกนนำ
กปปส.จากองค์กรแนวร่วมที่ประกอบกันเป็น กปปส. องค์กรอื่นๆที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวแต่ยังไม่เข้าร่วมใน
กปปส.และประชาชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย
ตลอดจนปัจเจกบุคคลที่มีใจเข้าร่วมเคลื่อนไหวในขบวนการปฏิวัติโดยประชาชนครั้งนี้อย่างรอบด้าน
สิ่งที่ต้องทำไปพร้อมกันอย่างทันการกับการเคลื่อนไหว
“ปฏิวัติด้วยพลังมวลมหาประชาชน” และมีความจำเป็นอย่างยิ่งขององค์กรต่างๆที่กล่าวข้างต้นคือ
ค่อยๆเคลื่อนไหวจัดตั้ง จัดระบบของมวลสมาชิกของแต่ละองค์กรให้เป็นรูปธรรมที่แน่นอน
ภารกิจอันนี้มีความสำคัญและจำเป็นไม่ยิ่งย่อนกว่าภารกิจยึดอำนาจรัฐ
การยึดอำนาจรัฐจากอำนาจรัฐเก่าที่เน่าเสียในรูปแบบต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกนี้ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน
จุดอ่อนที่สำคัญที่เกิดขึ้นคือเมื่อได้อำนาจรัฐมาแล้วต้องส่งมอบอำนาจรัฐให้กับองค์กรอำนาจรัฐใหม่
แล้วพลังของมวลมหาประชาชนก็อ่อนแอลง
แม้ว่าเราจะปฏิรูปกระบวนการให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐใหม่แล้วก็ตาม
อย่าลืมว่าสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ตามหลักสัจธรรมของพระตถาคตในหลักธรรมที่ว่า”สัพสิ่งย่อมเป็นอนิจจัง” จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่มวลมหาประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจรัฐที่แท้จริงจำเป็นต้องมีองค์กรจัดตั้งอย่างเป็นระบบมีปรัชญามีวิธีคิด
วิธีการทำงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อถ่วงดุล ควบคุม
ดูแลและปกป้องอำนาจรัฐใหม่ที่ได้มาอย่างต่อเนื่อง
ถ้ามวลมหาประชาชนมีความเฉื่อยเนือยขึ้นมาเมื่อไรกลไกอำนาจรัฐใหม่ก็จะเปลี่ยนแปลงไปสู่กลไกอำนาจรัฐที่เน่าเสียได้
เพราะ”อำนาจ”นั้นมันเป็นตัวกิเลสมนุษย์ที่เป็นปุถุชนธรรมดา
เมื่อเสพอำนาจจิตใจก็ย่อมหวั่นไหวไปทางกิเลส ฉะนั้นฝ่ายมวลมหาประชาชนที่ได้รับการจัดตั้งแล้วย่อมมีหลักธรรม
ปรัชญา วิธีคิดที่เรียกว่า”โยนิโสมนสิการ”ที่แยบยลเข้าไปถ่วงดุล
ดูแลและชี้นำแนวทางที่ถูกต้องให้กับกลไกอำนาจรัฐใหม่ได้ “ตองตีเหล็กขณะที่ยังร้อน”
วีระ สระกวี
๑ มกราคม ๒๕๕๗
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น