บล็อกของ Wera Sakawe
ไทย
15 มีนาคม 2559
แนวโน้มระบบการศึกษาไทยจะไปทางไหนกัน..!
จะปรนัยหรืออัตนัย
ช่วงนี้ในวงการปฏิรูปการศึกษาจะพูดถึงแบบปรนัยและแบบอัตนัยกันมาก สมัยเมื่อประมาณ 50 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่ผมเรียนอยู่ในระดับมัธยม ข้อสอบจะมีแต่แบบอัตนัยทั้งนั้น เพิ่งจะมีแบบปรนัยก็มาในช่วงหลังๆ เริ่มตั้งแต่สมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการปฏิรูปการศึกษากันครั้งใหญ่ เพื่อให้สอดคลองกับแผนปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้ร่างขึ้นมาตามคำบัญชาของวอชิงตัน แผนการศึกษาแห่งชาติ ระบบการเรียนการสอน การวัดผล เป็บแบบที่ลอกเรียนแบบมาจากอเมริกาเต็มรูปแบบ การออกข้อสอบแบบปรนัยได้เข้ามาแทนที่การออกข้สอบแบบเดิมๆของไทย “การมีรูปแบบที่หลากหลายต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีอย่างหนึ่งเท่านั้นที่ถูกที่สุดในหลายอย่าง” รูปแบบอย่างนี้เรียกว่าปรนัยส่วนการมีหลากหลายแบบมากมายนั้นเป็นแบบอัตนัย
ในความเป็นจริงสรรพสิ่งในโลกนี้มีอยู่หลากหลาย การจำแนกเป็นประเภทเป็นหมวดหมู่ เป็นพวก เรียกว่าเป็นปรนัย แต่อย่างไรก็ตามในสัตว์ ในพืชน์ ก้อนหิน แร่ธาตุ ต่างๆเหล่านี้ ในสิ่งใดๆนั้นย่อมมีความหลากหลาย เช่นม้าลายทุกตัวแม้จะมีลายขาวดำเหมือนกัน แต่เมื่อพิจารนาลงไปในรายละเอียดของแต่ละตัวย่อมไม่เหมือนกัน ทุกความหลากหลายเหล่านั้นย่อมมีเหตุผลในตัวของมันเอง
การมีกรอบตายตัวแบบปรนัย อาจจะไปปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ที่มีคุณค่าในวันข้างหน้าอย่างไม่คาดคิดก็เป็นได้ ตัวอย่างเช่นกฏของนิวตันที่ว่า”สรรพสิ่งย่อมไม่สูญหายไปจากโลก” ซึ้งกฎข้อนี้ได้ถูกต้องมา จนถึงปัจจุบันกฎข้อนี้ก็ยังคงใช้ได้ในงานวิศวกรรมบนโลก แต่เมื่อไอน์สไตน์ได้ค้นพบใหม่ว่า สสารสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงาน และพลังงานเปลี่ยนเป็นสสารได้ จากสมการทางฟิสิกส์ E =MC2 จนมีมีผู้นำมาพัฒณาจนสร้างเป็นระเบิดปรมณูใช้สังหารชีวิตมนุษย์ไปอย่างมหาสาร และที่อินเทรนและฮือฮาสุดๆในขณะนี้ คือการค้นพบ “คลื่นโม้มถ่วง” ก็อาศรัยหลักทฤษฎีเบื้องต้น ของไอน์สไตน์ ( E=MC2 ) …..
วีระ สระกวี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น