พระพุทธเจ้าสอนอะไร : อริยสัจจ์ ๔
https://www.youtube.com/watch?v=OXnsbs6_bMc&feature=youtu.be
ภาววิสัยสังคมไทยมีส่ิ่งบอกเหตุการเสื่อมถึงขั้นวิกฤต แต่ก็่ยังดีที่มีสิ่งค้ำจุนอยู่ได้ คือพระพุทธศาสนา หากว่าคนในสังคม ไม่จมอยู่กับอวิชชาและอาสวธรรม (กิเลสาสวธรรม) พวกเราผู้ต่ื่นรู้ด้วยปัญญา ช่วยกันค้นหาและเข้าให้ถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ เพื่อชี้ให้สังคมได้มองเห็นทางออก
อริยสัจจ์ข้อที่ ๒ สมุทัย(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
ปัจจัยอันสำคัญและจำเป็นต่อชีวิตตลอดการดำรงชีพของสัตว์โลกมีดังนี้คือ
๑. อาหารที่เป็นวัตถุสิ่งของธรรมดาต่างๆ มีอาหาร เครื่องยังชีพ เป็นต้น “กวฬิงการาหาร”
๒. ความรู้สึกถูกต้องต่อประสาทสัมผัสต่างๆ ที่มีอายตนภายนอก รูป เสียง กลิ่น รส ฯลฯ “ผัสสาหาร”
๓. ความรู้ที่เกิดจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น จากตา เป็นจักษุวิญญาณ จากหูเป็น โสตวิญญาณ ฯลฯ “วิญญาณหาร”
๔.เจตนาหรือความตั้งใจทำให้เกิดการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นและมีผลสืบเนื่องกันไป “มโนสัญเจตนาหาร”๑
บรรดาปัจจัยทั้ง ๔ ประการเหล่านี้ มโนสัญเจตนา๒หารประการสุดท้าย เป็นความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ เป็นอยู่และการเกิดขึ้นมาใหม่ สืบเนื่องกันตลอดไปไม่มีที่สิ้นสุด ตัวเจตนานี้เองเป็นกรรมสร้างภพสร้างชาติ สืบเนื่องติดต่อกันไป ตามกฎของกรรมทั้งดีและเลว (กุสลากุสลกมฺม) กรรมที่ว่านี้เป็นอันเดียวกันกับความจงใจที่จะทำ (เจตนา) พระพุทธองค์ทรงแสดงให้เราทราบมาแต่แรกแล้วว่าเจตนาที่จงใจในการทำนั้นแหละเรียกว่ากรรม สำหรับเรื่องมโนสัญเจตนาหารที่กล่าวมาแล้วนั้นพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า เมื่อบุคคล เข้าใจอาหารคือความตั้งใจ (มโนสัญเจตนาหาร) ย่อมจะเข้าใจถึงความทะยานอยาก (ตณฺหา) ทั้ง ๓ ประการนั้นด้วย เพราะคำว่า ตัณหา ก็ดี เจตนา ก็ดี มโนสัญเจตนาก็ดี และกรรมก็ดีล้วนมีความหมายเป็นอย่างเดียวกัน คือความปรารถนาอย่างกระหายความจงใจที่จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ความจงใจที่จะเกิดขึ้นมาใหม่อีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีการสิ้นสุดลงเลย อันนี้เองที่เป็นตัวเหตุทำให้ทุกข์เกิดขึ้น อันได้แก่สังขารขันธ์ในเบญจขันธ์ทั้ง๕ นั่นเอง ที่ปรุงแต่งสัตว์โลกทั้งหลายให้เกิดขึ้น อันนี้เป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สำคัญ และเด่นชัดที่สุดดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจและจดจำไว้ให้ดีและรอบคอบว่า สาเหตุหรือต้นตอของความทุกข์นี้มีมาจากภายในตัวทุกข์เอง หาใช่จากสิ่งภายนอกไม่ ในทำนอง
เดียวกัน การดับทุกข์ การทำลายทุกข์ก็หาได้ภายในตัวทุกข์เอง สมดังพระบาลีที่มีมาในพระไตรปิฎกว่า “ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํนิโรธธมฺมํ” ซึ่งแปลเป็นใจความว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดล้วนมีการดับเป็นธรรมดา ถ้าหากว่าสัตว์โลก สิ่งของหรือระบบกฎเกณฑ์ต่างๆ มีการเกิดขึ้น และตั้งอยู่เป็นธรรมดาเช่นกัน ดังนั้นความทุกข์ (เบญจขันธ์) ที่มีการเกิดเป็นธรรมดาก็มี การดับไปเป็นธรรมดาเช่นกัน
๑. ม.มู. ๑๒/๑๑๓/๘๗ ๒. คำว่า นโมสญฺเจตนา เทียบได้กับ Libido ในจิตวิตแบบใหม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น