เจตนคิของชาวพุทธ
https://www.youtube.com/watch?v=xadEhZ2KE28&feature=youtu.be
สังคมชาวพุทธในประเทศไทยส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาพุทธแต่ในนามและจะเน้นในเรื่องพิธีกรรมส่วนหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอันเป็นหลักคำสอนที่เป็นแก่นธรรมที่พระพุทธเจ้าได้มอบให้ไว้กับพุทธบริษัททั้ง
๔ อันได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา แทนตัวพระองค์แทบจะไม่มี
ที่มีอบู่ก็เป็นแค่เปลือกหรือกระพี้อาจจะถูกบิดเบือนหรือเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสสังคมบริโภคนิยมหรือทุนนิยมสามานย์การตลาด
แต่ที่ถูกบิดเบือนอย่างเป็นระบบและแนบเนียนที่สุดก็คือเกิดจากความตั้งใจของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเพื่อผลประโยชน์ทางด้านอำนาจ
ความเชื่อและผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ
ที่ได้เข้ามากระทำต่อศาสนาพุทธอย่างร้ายแรงจนทำให้ศาสนาพุทธในพื้นที่ถิ่นกำเนิด(ประเทศอินเดีย)ถูกทำรายจนเกือบหมดจะเหลืออยู่บ้างก็เพียงเล็กน้อย
ขบวนการทำลายพระพุทธศาสนาในอินเดียในอดีด มีการกระทำกันอย่างเป็นระบบโดยนักปราชญ์ปัญญาชนชื่อว่า"ศังกราจารย์"* ที่เข้ามาอยู่วงในใจกลางพระพุทธศาสนา
เข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยทางพระพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในอดีตคือ"มหาวิทยาลัยนาลันทา"
และที่ร้ายแรงที่สุดที่ศาสนาพุทธถูกทำรายอย่างป่าเถื่อนที่สุดที่กระทำต่อมหาวิทยาลัยแห่งนี้โดยการเผาอาคารสถานที่ตลอดจนหนังสือตำราทางพระพุทธศาสนาโดยใช้เวลาเผาถึง
๗ วัน ๗
คืนกว่าจะเผาตำราทางพระพุทธศาสนาหมดและได้เข่นฆ่านักศึกษาและครูบาอาจารย์ตายเป็นเบือนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตทั้งสองกรณีใหญ่ๆ
ส่วนการเสื่อมของศาสนาพุทธในไทยเกิดขึ้นคล้ายๆกรณีย์ของนักปราชญ์""ศังกราจารย์"*แต่ค่อยๆทำรายจากกลไกอำนาจรัฐเพื่อผลทางอำนาจการปกครองพลเมือง
โดยยังคงไว้ในหลักธรรมแต่ประชาชนจะเข้าถึงได้ยากแต่จะไปเน้นตรงพิธีกรรมซึ่งประชาชนเข้าถึงได้ง่ายทั้งในพิธีของรัฐและในหมู่ประชาชน
พีธีกรรมเกือบทั้งหมดเป็นเรืองนอกศาสนาพุทธแต่นำมาผสมคลุกเคล้ากับเรื่องในศาสนาพุทธเช่นเดียวกับที่นักปราญ"ศังกราจารย์"ได้นำไปใช้ทำรายศาสนาพุทธในอินเดียได้สำเร็จอาจจะเป็นไปได้ที่ความเชื่อที่"ศังกราจารย์"ได้ผสมผสานเป็นศาสนาพุทธในแบบของ"ศังกราจารย์"ในอินเดียถูกชนชั้นนำในสังคมไทยนำมาใช้ในสังคมไทยเพื่อผลทางอำนาจการปกครองพลเมือง
อย่าคิดว่ากลไกแบบพื้นๆง่ายๆอย่างนี้จะมีแต่กลไกอำนาจรัฐเดิมอย่างเดียวที่จะนำเอาความอ่อนต้อยทางปัญญาหรืออวิชชาที่ถูกกระทำจากกลไกอำนาจเดิมมาโดยตลอดจนอาจกล่าวได้ว่าสังคมไทยเป็นสังคม"ด้อยปัญญ่ชา"อย่างเต็มรูปแบบแล้วการนำเอาจุดอ่อนเหล่านี้มาใช้เป็นผลประโยชน์ทางด้านอำานจและผลประโยชน์ทางด้านอื่นได้แต่เพียงฝ่ายเดียว
ฝ่ายอื่นเขาก็สามารถช่วงชิงกลไกเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ได้เช่นกันแถมยังใช้กลไกอำนาจรัฐเก่ามาช่วยทำงานให้เขาอีกด้วย
โดยที่ผู้ก่อปัญหานี้หลงลืมไปว่าตัวเองเป็นผู้สร้างดาปอันนี้ไว้จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาเคยชินไม่ได้ตระหนักว่ามันเป็นดาปสองคมสักวันหนึ่งมันกลับมาฟาดฟันตัวเองกว่าจะรู้มันก็สายเสียแล้ว
อย่างกรณีธรรมกายมันไม่ใช่เรื่องของธรรมกายโดดๆมันจะเกี่ยวโยงเข้าไปถึงส่วนต่างๆของสังคมในกลไกอำนาจรัฐปัจจุบันแม้กระทั่งในรัฐบาลของลุงตู่ก็ย่อมมีส่วนเกี่ยวโยงอยู่แล้วอย่างแน่นอนไม่ตองพูดถึงฝ่ายทางการเมืองเขาก็เป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว
เพราะเรื่องในทำนองนี้มันเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ที่มันเกิดขึ้นเพราะผู้ที่สร้างต้องการจะใช้มันเป็นเครื่องมือทางการเมืองตั้งแต่ผู้สร้างครั้งแรกๆเดิมๆ
อย่าลืมว่าโครงสร้างสังคมไทยที่เป็นอยุ่เป็นโครงสร้างแบบ"สังคมด้อยปัญญา"
ซึ่งมันเป็นโครงสร้างชั้นบนเป็นโครงสร้างทางจิตสำนึกการที่จะใช่อำนาจเพียงอย่างเดียวเข้าไปจัดการไม่สารถกระทำให้เปลี่ยนแปลงได้
อย่างดีก็แค่เข้าไปกดทับไม่ให้แสดงออกก็พอจะได้ก็เหมือนกวาดขยะเข้าไปซ่อนไว้ให้พรหม
การที่จะเปลี่ยนโครงสร้างทางจิตสำนึกของสังคมให้ได้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหรือให้ถึงที่สุดต้องปฏิวัติโครงสร้างชั้นล่างก่อนอันได้แก่กลไกอำนาจรัฐในส่วนต่างๆทั้งหมด
รบบการบริหารราชกาบแผ่นดิน นโยบาลของรัฐ กลไกทางด้านเศรษฐกิจ ทางด้านสังคม
ตลอดจนนโยบายปฏิรูปประเทศในเรื่องต่างๆโดยเฉพาะการปฏิรูปพลังงานจะต้องไปในทิศทางเดียวกันและจะต้องมีแนวคิดหรือปรัชญญาเป็นเข็มทิศชี้นำเช่นที่เห็นเป็นรูปธรรมที่เป็นจริงได้ในขณะนี้คือแนวปรัชญญา"เศรษฐกิจพอเพียง"ตามหลัก"ทฤษฎีใหม่"
ถ้าทำงานอย่างสะเปะสะปะขาดทิศทางขาดทฤษฏีชี้นำที่ชัดเจน
ปลอยให้อำนาจของทุนนิยมสามานย์ที่แฝงตัวอยู่ในรัฐบาลสามารถใช้อำนาจเนือรัฐบาลหรือครอบงำรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัดอย่างกรณืย์ที่
สนช.รับหลักการร่าง พรบ.ปีโตรเลี่ยมทั้ง 2 ฉบับ มันเป็นการดำเนินนโยบายที่สะเปะสะปะขัดแย้งกับผลประโยชน์ชองชาติและประชาชน
รัฐบาลลุงตู่ที่มีอำนาจอย่างเต็มรูปแบบควรถอน พรบ.ทั้งสองฉบับนี้ออกมา จาก สนช.
แล้วประชาชนพร้อมที่จะปกป้องและสนับสนุนลุงตู่ให้จัดการกับเสี้ยนหนามของแผ่นดินสร้างสังคมไทยใหม่ให้อยู่กันอย่างสงบสุขและสันติภาพตลอดไป
ลุงตู่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการลาออก........!!!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น