ประวัติพระพุทธเจ้า - YouTube
https://www.youtube.com/watch?v=K4SulBFTe88
พระพุทธเจ้า
(THE BUDDHA)
.
พระพุทธเจ้าทรงมีพระนามเดิมว่า สิทธัตถะ (สันสกฤตว่า สิทธารถะ) และพระนามโดย
โคตรว่า โคตมะ (สํ. ว่า เคาตมะ) พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ในอินเดียตอนเหนือราวศตวรรษที่๖ ก่อนคริสต์ศักราช พระบิดาของพระองค์พระนามว่า สุทโธทนะ เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรแห่งชาวศากยะ (ในเนปาลปัจจุบัน) พระมารดาของพระองค์พระนามว่าพระราชินีมายา ตามประเพณีในสมัยนั้น พระองค์ใดได้อภิเษกสมรสตั้งแต่อายุยังพระเยาว์ทีเดียว คือเมื่อพระชนม์ได้ ๑๖ พรรษา กับเจ้าหญิงผู้เลอโฉมและจงรักภักดี ซึ่งมีพระนามว่ายโสธรา เจ้าชายหนุ่มประทับอยู่ในพระราชวังของพระองค์พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายนานัปการตามที่พระทัยปรารถนาแต่โดยไม่คาดคิด เจ้าชายก็ได้ทรงพบเห็นความเป็นจริงของชีวิต และความทุกข์ของมนุษยชาติ จึงตัดสินพระทัยที่จะหาทางแก้ กล่าวคือหนทางพ้นไปจากความทุกข์อันมีอยู่ทั่วไปในสากลนี้ เมื่อพระชนม์ได้ ๒๙ พรรษา ภายหลังการประสูติพระโอรสพระองค์เดียว คือเจ้าชายราหุลไม่นานนักพระองค์ก็เสด็จจากอาณาจักรของพระองค์ไป และได้ทรงผนวชเป็นนักบวช (ฤาษี) เพื่อแสวงหาทางแก้ไข (ทุกข์) นั้น นับเป็นเวลาถึง ๖ ปี พระฤาษีโคตมะได้เสด็จจาริกเรื่อยไปในแถบลุ่มแม่น้ำคงคาได้ทรงพบกับอาจารย์สอนศาสนาที่มีชื่อเสียง พระองค์ได้ทรงศึกษาและปฏิบัติตามระบบการและวิธีการของอาจารย์เหล่านั้น และได้ยอมลดพระองค์ลงรับข้อปฏิบัติแบบทุกกรกิริยาอันหนักยิ่ง แต่ข้อปฏิบัติแห่งหลักการและระบบศาสนาเหล่านั้นทั้งปวงไม่ทำให้พระองค์ทรงพอพระทัยเลย ดังนั้น พระองค์จึงได้ทรงละทิ้งศาสนาที่มีมาแต่เดิมทั้งหมด พร้อมทั้งวิธีการของศาสนาเหล่านั้นเสีย แล้วดำเนินไปตามวิถีทางของพระองค์เอง เรื่องก็เป็นมาอย่างนี้แหละจนกระทั่งราตรีวันหนึ่ง เมื่อพระองค์ประทับนั่งอยู่ที่ภายใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง (แต่นั้นมาก็รู้จักกันโดยชื่อว่า ต้นโพธิ์ หรือต้นไม้ตรัสรู้) ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราที่พุทธคยา (ใกล้ตำบลคยาในรัฐพิหารปัจจุบัน) เมื่อพระชนม์ได้ ๓๕ พรรษาพระโคตมะก็ได้บรรลุพระโพธิญาณ ซึ่งภายหลังจากการบรรลุโพธิญาณนั้นแล้ว พระองค์ก็เป็นที่รู้จักกันในพระนามว่าพระพุทธเจ้า หรือ ท่านผู้ตรัสรู้แล้ว
หลังจากการตรัสรู้ของพระองค์แล้ว พระโคตมะพุทธเจ้าก็ได้ทรง ประทานปฐมเทศนาแก่เบญจวัคคีย์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมปฏิบัติธรรมมาแต่แรกของพระองค์ ณ สวนกลางที่ป่าอิสิปตนะ(สารนาถ) ใกล้เมืองพาราณสี นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาเป็นเวลา ๔๕ พรรษา พระองค์ก็ได้ทรงสั่งสอนมนุษย์ชายหญิงทุกชั้น กล่าวคือ ทั้งกษัตริย์ ชาวนา พราหมณ์ จัณฑาล ทั้งคฤหบดีและขอทาน ทั้งนักบวชและพวกโจร โดยมิได้ทรงทำการแบ่งแยกชนชั้นสักนิดเดียวในหมู่เหล่านั้น พระองค์มิได้ทรงยอมรับความแตกต่างกันแห่งวรรณะ หรือการแบ่งกลุ่มชนในสังคมเลย บรรดาที่พระองค์ทรงสั่งสอนนั้นก็ทรงเปิดรับมนุษย์ชายหญิงทุกคนผู้พร้อมที่จะเข้าใจและปฏิบัติตาม เมื่อพระชนม์ได้ ๘๐ พรรษา พระพุทธเจ้าก็เสด็จดับขันธปรินิพพานที่ เมืองกุสินารา (ซึ่งอยู่ในเขตอุตรประเทศในอินเดียปัจจุบัน)ปัจจุบันนี้ พระพุทธศาสนามีปรากฏอยู่ในประเทศ ศรีลังกา พม่า ไทย เขมร ลาวเวียดนาม ธิเบต จีน ญี่ปุ่น มงโกเลีย เกาหลี ไต้หวัน และในบางส่วนของประเทศอินเดียปากีสถาน และเนปาล กับทั้งในสภาพโซเวียตด้วย ประชากรชาวพุทธทั่วโลกมีจำนวนเกินกว่า ๕๐๐ ล้านคน
https://www.youtube.com/watch?v=K4SulBFTe88
พระพุทธเจ้า
(THE BUDDHA)
.
พระพุทธเจ้าทรงมีพระนามเดิมว่า สิทธัตถะ (สันสกฤตว่า สิทธารถะ) และพระนามโดย
โคตรว่า โคตมะ (สํ. ว่า เคาตมะ) พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ในอินเดียตอนเหนือราวศตวรรษที่๖ ก่อนคริสต์ศักราช พระบิดาของพระองค์พระนามว่า สุทโธทนะ เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรแห่งชาวศากยะ (ในเนปาลปัจจุบัน) พระมารดาของพระองค์พระนามว่าพระราชินีมายา ตามประเพณีในสมัยนั้น พระองค์ใดได้อภิเษกสมรสตั้งแต่อายุยังพระเยาว์ทีเดียว คือเมื่อพระชนม์ได้ ๑๖ พรรษา กับเจ้าหญิงผู้เลอโฉมและจงรักภักดี ซึ่งมีพระนามว่ายโสธรา เจ้าชายหนุ่มประทับอยู่ในพระราชวังของพระองค์พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายนานัปการตามที่พระทัยปรารถนาแต่โดยไม่คาดคิด เจ้าชายก็ได้ทรงพบเห็นความเป็นจริงของชีวิต และความทุกข์ของมนุษยชาติ จึงตัดสินพระทัยที่จะหาทางแก้ กล่าวคือหนทางพ้นไปจากความทุกข์อันมีอยู่ทั่วไปในสากลนี้ เมื่อพระชนม์ได้ ๒๙ พรรษา ภายหลังการประสูติพระโอรสพระองค์เดียว คือเจ้าชายราหุลไม่นานนักพระองค์ก็เสด็จจากอาณาจักรของพระองค์ไป และได้ทรงผนวชเป็นนักบวช (ฤาษี) เพื่อแสวงหาทางแก้ไข (ทุกข์) นั้น นับเป็นเวลาถึง ๖ ปี พระฤาษีโคตมะได้เสด็จจาริกเรื่อยไปในแถบลุ่มแม่น้ำคงคาได้ทรงพบกับอาจารย์สอนศาสนาที่มีชื่อเสียง พระองค์ได้ทรงศึกษาและปฏิบัติตามระบบการและวิธีการของอาจารย์เหล่านั้น และได้ยอมลดพระองค์ลงรับข้อปฏิบัติแบบทุกกรกิริยาอันหนักยิ่ง แต่ข้อปฏิบัติแห่งหลักการและระบบศาสนาเหล่านั้นทั้งปวงไม่ทำให้พระองค์ทรงพอพระทัยเลย ดังนั้น พระองค์จึงได้ทรงละทิ้งศาสนาที่มีมาแต่เดิมทั้งหมด พร้อมทั้งวิธีการของศาสนาเหล่านั้นเสีย แล้วดำเนินไปตามวิถีทางของพระองค์เอง เรื่องก็เป็นมาอย่างนี้แหละจนกระทั่งราตรีวันหนึ่ง เมื่อพระองค์ประทับนั่งอยู่ที่ภายใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง (แต่นั้นมาก็รู้จักกันโดยชื่อว่า ต้นโพธิ์ หรือต้นไม้ตรัสรู้) ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราที่พุทธคยา (ใกล้ตำบลคยาในรัฐพิหารปัจจุบัน) เมื่อพระชนม์ได้ ๓๕ พรรษาพระโคตมะก็ได้บรรลุพระโพธิญาณ ซึ่งภายหลังจากการบรรลุโพธิญาณนั้นแล้ว พระองค์ก็เป็นที่รู้จักกันในพระนามว่าพระพุทธเจ้า หรือ ท่านผู้ตรัสรู้แล้ว
หลังจากการตรัสรู้ของพระองค์แล้ว พระโคตมะพุทธเจ้าก็ได้ทรง ประทานปฐมเทศนาแก่เบญจวัคคีย์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมปฏิบัติธรรมมาแต่แรกของพระองค์ ณ สวนกลางที่ป่าอิสิปตนะ(สารนาถ) ใกล้เมืองพาราณสี นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาเป็นเวลา ๔๕ พรรษา พระองค์ก็ได้ทรงสั่งสอนมนุษย์ชายหญิงทุกชั้น กล่าวคือ ทั้งกษัตริย์ ชาวนา พราหมณ์ จัณฑาล ทั้งคฤหบดีและขอทาน ทั้งนักบวชและพวกโจร โดยมิได้ทรงทำการแบ่งแยกชนชั้นสักนิดเดียวในหมู่เหล่านั้น พระองค์มิได้ทรงยอมรับความแตกต่างกันแห่งวรรณะ หรือการแบ่งกลุ่มชนในสังคมเลย บรรดาที่พระองค์ทรงสั่งสอนนั้นก็ทรงเปิดรับมนุษย์ชายหญิงทุกคนผู้พร้อมที่จะเข้าใจและปฏิบัติตาม เมื่อพระชนม์ได้ ๘๐ พรรษา พระพุทธเจ้าก็เสด็จดับขันธปรินิพพานที่ เมืองกุสินารา (ซึ่งอยู่ในเขตอุตรประเทศในอินเดียปัจจุบัน)ปัจจุบันนี้ พระพุทธศาสนามีปรากฏอยู่ในประเทศ ศรีลังกา พม่า ไทย เขมร ลาวเวียดนาม ธิเบต จีน ญี่ปุ่น มงโกเลีย เกาหลี ไต้หวัน และในบางส่วนของประเทศอินเดียปากีสถาน และเนปาล กับทั้งในสภาพโซเวียตด้วย ประชากรชาวพุทธทั่วโลกมีจำนวนเกินกว่า ๕๐๐ ล้านคน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น