ศึกษาธรรมจากภาษาโลกและภาษาธรรม ตอนที่ ๓ : “จิตนิยาม”
“จิตนิยาม” เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นจากภาวธรรมของ “ชีวะ” แต่ทว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่พัฒนากระบวนการที่สูงกว่าชีวะในระดับ “พีชะ”พลังงานในรูปแบบของ “จิต” ที่เกิดจากการตอบสนองต่อผัสสะโดยตรงโดยไม่มี”เจตนา”เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เช่นเกิดจาก”เวทนาขันธ์” (อารมณ์ความรู้สึก)หรือเกิดจาก”สัญญาขันธ์”(การกำหนดรู้หมายจำ) เช่นความรู้สึกเป็นสุข(ทางกายทางใจ) ความรู้สึกเป็นทุกข์(ทางกายทางใจ)หรือ อทุกขมสุข(ไม่สุข ไม่ทุกข์ หรือ อุเบกขา) พลังงานที่ดำเนินไปของ “จิต” หากไม่มี ”เจตนา” จะไม่เกิด “กรรม” ที่ส่งผลวิบากหรือไม่เป็น “กัมทายาท” หรือ”กรรม”นั้นก็ไม่ตกทอดไปเป็นมรดกเช่นเดียวกับพลังงานที่ดำเนินไปของ “พิชะ” ก็ไม่นับเป็น “กรรม”
ส่วนพลังงานที่เกิดขึ้นและดำเนินไปของ “จิต”ที่เกิดจากการปรุงแต่งของ “สังขารขันธ์”(การปรุงแต่งจิตให้ดี ชั่ว หรือเป็นกลาง)โดยมี “เจตนา”เป็นตัวนำในการปรุงแต่ง “จิต” ให้ดี ให้ชั่ว หรือเป็นกลาง ที่จะแสดงออกทางกายวาจาให้เป็นไปต่าง ๆ ที่เรียกว่า “กรรม” เช่น ศรัทธา สติ หิริ(ความละอายบาบ) โอตตัปปะ (ความกลัวบาป) เมตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปัญญา โมหะ โลภะ โทสะ ทิฐิ (ความเชื่อที่ยึดติดแน่น) อิสสา (ความริษยา) และมจฉะริยะ (ความตระหนี่) เป็นต้น และพลังงาน”จิต” ที่มีองค์ธรรมรวมของกระบวนการรับรู้ที่มี ผัสสะ เวทนา สัญญา และมี วิญญาน (ส่วนที่เป็นความรู้หรืออารมณ์ความรู้สึก)เป็นแกนกลาง และมีตัวแปรที่สำคัญคือ “สังขาร” ก็จะปรุงแต่งกระบวนการรับรู้ตั้งแต่ต้นและต่อ ๆ ไปตามที่สังขารตามกำหนด จึงเกิดเป็น “กรรม” เช่น โมหะ หรือ อโมหะ เป็นต้น
สำหรับ”จิต”ของผู้ที่สามารถเรียนรู้และอบรมจนสามรถรู้ “ธรรมะ” ได้เรียกว่า “จิตเวไนยสัตว์” ส่วนจิตของสัตว์เดรฉาน ซึ่งเป็นจิตที่ไม่สามารถให้สูงขึ้นไปเหมือนมนุษย์ได้ซึ่งเป็นจิตที่อยู่ในระดับ “จิตอเวไนยสัตว์”แม้มนุษย์ก็ตามยังมีอีกจำนวนมากที่ยังหลงอยู่ในอวิชชาก็ไม่สมารจะยกระดับ”จิต”ให้พ้นระดับ”จิตอเวไนยบุคคล”ได้ ไม่สามารถเรียนรู้และอบรมจนสามารถรู้ “ธรรมะ”ได้ บางคนสามารถเรียนรู้ได้และสามารถสอนให้พัฒนาได้แค่ระดับ “กัลยาณชน” หรือเรียกว่า “เวไนยบุคคลแบบโลกียะ” หมายถึง “จิต” ที่สามารถสอนให้เจริญพัฒนาสู่ความชอบธรรม การที่จะสอนหรืออบรม “จิต”ให้สูงถึงระดับ “จิตเวไนยบุคคลแบบโลกุตระ”นั้นจะได้เพียงจำนวนน้อยมาก จิตเวไนยบุคคลแบบโลกียะยังคงดำเนินชีวิตที่สร้าง “กรรม”และเพิ่มพูนมรดกกรรมขึ้นได้ตลอด ตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัจยืนยันไว้ชัดว่า “ คนที่ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ตายจากชาตินั้นจะได้กลับมาเกิดเป็นคน หรือเป็นเทวดาอีกมีน้อยกว่าน้อยนัก ส่วนมากตกนรก” (พระไตรปิฎก เล่ม ๒๐ ข้อ ๒๐๖ )ความเป็น “เวไนยบุคคลโลกุตระ” พระพุทธเจ้าทรงแบ่งเป็นหลายขั้นหลายระดับ กำหนดชื่อเรียกต่าง ๆ อีกมาก…….!!!
ตีความตามภูมิและความเข้าใจ…...วีระ สระกวี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น