ด้วยความปรารถนาและด้วยจิตคารวะผมขออนุญาตชักชวนเพื่อนมิตรสหายทั้งหลายมาศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าวันละหนึ่งหน้า
จากข้อเขียนหรือบทความของนักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนา โดยยึดกรอบแนวคิดดังนี้...... “หลักธรรมคำสอนในศาสนาพุทธมิได้อ้างการดลใจจากเทพเจ้า
หรืออำนาจภายนอกแต่อย่างใดทั้งสิ้นการตรัสรู้ การบรรลุธรรม และความสำเร็จของพระพุทธเจ้าทั้งหมดเป็นความพยายามของมนุษย์
และเป็นสติปัญญาของมนุษย์ มนุษย์และเฉพาะมนุษย์เท่านั้นสามารถจะเป็นพระพุทธเจ้าได้
มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในการเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ในตัวเอง ถ้าหากเขาปรารถนาอย่างนั้น และทำความเพียรพยายาม ตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว ฐานะของมนุษย์เป็นฐานะที่สูงสุด
มนุษย์เป็นนายของตนเอง และไม่มีอำนาจวิเศษหรือกำลังอื่นใดที่จะมาพิจารณาตัดสินชี้ขาดชะตากรรมของมนุษย์ได้ พระพุทธองค์ตรัสว่า “ตนเป็นที่พึ่งของตน ใครอื่นจะสามารถเป็นที่พึ่งของเรา ได้เล่า” พระองค์ได้ประทานโอวาทแก่สาวกทั้งหลายของพระองค์ให้เป็นที่พึ่งแก่ตนเอง
และไม่ยอมให้แสวงหาที่พึ่ง หรือความช่วยเหลือจากอื่นใดอีก พระองค์ได้ตรัสสอน ส่งเสริมและกระตุ้นเตือนให้บุคคลแต่ละคนได้พัฒนาตนเอง และทำความหลุดพ้นของตนให้สำเร็จ เพราะมนุษย์มีพลังที่จะปลดปล่อยตนเองจากสังโยชน์ด้วยอาศัยความเพียรและสติปัญญาอันเป็นส่วนเฉพาะตัวได้
พระพุทธองค์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายพึงทำกิจของตนเอง เพราะว่าตถาคตทั้งหลายเพียงแต่บอกทางให้”
พระพุทธเจ้าเป็นได้เฉพาะความหมายที่ว่า พระองค์ได้ทรงค้นพบและทรงชี้มรรคาไปสู่ความหลุดพ้น(นิพพาน) เท่านั้น แต่เราจะต้องปฏิบัติตามมรรคานั้นด้วยตัวของเราเอง”
มีชายชราคนหนึ่งชื่อว่า ลุงหยูกง แกตั้งบ้านเรือนอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่หลังภูเขาสองลูกชื่อว่า ไท่เชียงและหวังหวู ภูเขาสองลูกนี้ สูงนับพัน เริน กว้างใหญ่ถึง 700 ตารางลี้ ทุกคนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่หลังเขาทั้งสองลูกนี้ ไม่สะดวกในการเดินทางเพราะภูเขามาปิดกันความ สะดวกสบาย แต่ด้วยความเคยชินไม่มีใครสนใจต่ออุปสักข้อนี้ ลุงหยูกงแกก็ใช้ชีวิติไปตามปกติเหมือนคนทั่วไป หรือแกจะคิดถึงอุปสักข้อนี้ อยู่บ้างตามนิทานก็ไม่ได้บันทึกไว้ และอีกข้อหนึ่งที่นิทานไม่ได้บันทึกไว้ก็คือไม่เคยปรากฏว่าแกเคยเป็นกำานัน ตามนิทานจึงไม่เรียกแกว่า “ลุง กำานัน หยูกง” จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งแกเกิดดำาริขึ้นในใจว่า”เราก็ทำาอะไรต่อมิอะไรมาในชีวิติมากมายถูกบ้างผิดบ้างเป็ นธรรมดาของคน สามัญทั่วๆไป แต่ครั้งนี้เราได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วว่า ไอ้ภูเขาสองลูกนี้ที่ขวางความเจริญของหมู่บ้านเราอยู่นี้ จะต้องขุดย้ายออกไป ไม่ให้เป็นอุปสักขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของหมู่บ้านต่อไปอีก ว่าแล้วแกก็ชวนลูกหลานและเพื่อนบ้านที่เห็นด้วยกับแกให้มาช่วยกันขุดย้าย ภูเขา ยังมีเพื่อนบ้านของลุงหยูกงคนหนึ่งชื่อว่า ลุงจือโช่ว เม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น