วันที่ ๑๕ มิย.๒๕๖๐ เป็น วันที่อายุเริ่มย่างเข้า ๗๕ ปี แล้ว ตื่นเช้าขึ้นมาต้องตรวจสอบสุขภาพประจำวันโดยอาศัยนาฬิกาสุขภาพที่แขวนติดข้อมืออยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยก็บอกภาวะเบื้องต้นแล้วนำมาประเมินกับความรู้สึกที่เป็นจริงในตัวเราเช่นความดันโลหิตซึ่งตรวจสอบกับเครื่องวัดเฉพาะก็ใกล้เคียงกัน ช่วงเวลาการนอนหลับจากความรู้สึกของร่างกายก็ใกล้เคียงกัน ส่วนความสงบของจิตใจไม่ทราบว่าเขาใช้ข้อมูลอะไรเข้าไปประมวลโดยใช้ App.
เมื่อวานได้เขียนคำปรารภลงใน FB. ถึงความรู้สึกของตัวเอง.....มีเพื่อนมิตรได้ให้ข้อคิดต่าง ๆ เช่น ขอให้พิจารณาถึงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อยู่เสมอ บางท่านบอกว่าตัวเองยังมีกิเลสอยู่ หลายทานที่ให้พร อวยพรมา เนื่องในวันคล้ายวันเกิดจึงขอถือโอกาสกล่าวคำขอบคุณทุกท่าน ที่ส่งความปรารถนาดีมาด้วยคำเสนอแนะข้อความคิดเห็นและคำอวยพรต่าง ๆตลอดมา .........มีคำพูดคำหนึ่งที่มักเข้าหูอยู่เป็นประจำในคำพูดที่ว่า “คนเราเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมเก่า” ฟัง ๆ ดู ดูเหมือนเป็นสัจธรรม เป็นหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แต่เมื่อนำมาคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วก็เกิดข้อกังขาขึ้นมาทันที เพื่อตอบข้อกังขาจึงขอนำเอาข้อหลักธรรมจากหนังสือ “พุทธธรรม” ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป.อ.ประยุตโต มาอ้างอิงดังนี้ “.....เมื่อไม่ทำกรรมใหม่อยู่ไป กรรมเก่าก็น่าจะหมดไปเอง แต่ไม่หมดหรอก ไม่ต้องอยู่เฉย ๆ แม้แต่จะชดใช้กรรมเก่าไปเท่าไร ๆ ก็ไม่มีทางหมดไปได้
เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ๑.คนเรายังมีชีวิต ก็คือเป็นอยู่ ต้องกินอยู่ เคลื่อนไหวอิริยาบถ ทำโน่นทำนี่ เมื่อยังไม่ตายก็ไม่ได้อยู่นิ่ง๒.คนเหล่านี้เป็นมนุษย์ปุถุชนก็มีโลภ โกรธ หลง โดยเฉพาะความหลง หรือโมหะนี้อยู่ประจำในใจตลอดเวลา เพราะยังไม่รู้เข้าใจความจริงถึงสัจธรรม ...........พูดสั้น ๆ ว่า กรรมไม่หมดไปด้วยการชดใช้กรรม แต่หมดกรรมด้วยการพัฒนากรรม คือปรับปรุงตัวให้ทำกรรมดียิ่งขึ้นจนพ้นขั้นของกรรมคือทำด้วยปัญญาที่บริสุทธิ์ ไม่ถูกครอบงำ หรือชักจูง ด้วย โลภะ โทสะ โมหะ จึงจะเรียกว่าพ้นกรรม”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น