วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๑ ตื่นเช้าสิ่งแรกที่ต้องทบทวนอยู่ตลอดเวลาคือการเตรียมความคิดให้พร้อมที่จะตาย และให้รำลึกว่าเราเกิดมาได้ทำสิ่งดีและไม่ดีอะไรไปบ้าง ชีวิตไม่มีอะไรมากแค่มีสติอยู่ทั่วพร้อมด้วย “ศีล สมาธิ ปัญญา “ นี้คือสูงสุดของชีวิตแล้วหากปรารถนา…..สวัสดีวันเกิด
การจะเข้าใจขันธ์ ๕ ขอให้พิจารณาพุทธพจน์ต่อไปนี้
“ ภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงขันธ์ ๕ เธอทั้งหลายฟัง ขัน ๕ เป็นไฉน? รูป..เวทนา.สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตาม หยาบก็ตาม ละเอียดทรามก็ตาม ประณีตก็ตาม ไกลหรือใกล้ก็ตาม...เหล่านี้เรียกว่าขันธ์ ๕.........รูป..เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ คือธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน ฉันทราคะ(ความกระสันอยาก) ในรูป..เวทนา..สัญญา..สังขาร...วิญญาณ... นั้นคืออุปาทานใน(สิ่ง)นั้น ๆ” *สํ.ข.๑๗/๓๐๙/๒๐๒
“ ภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงขันธ์ ๕ เธอทั้งหลายฟัง ขัน ๕ เป็นไฉน? รูป..เวทนา.สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตาม หยาบก็ตาม ละเอียดทรามก็ตาม ประณีตก็ตาม ไกลหรือใกล้ก็ตาม...เหล่านี้เรียกว่าขันธ์ ๕.........รูป..เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ คือธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน ฉันทราคะ(ความกระสันอยาก) ในรูป..เวทนา..สัญญา..สังขาร...วิญญาณ... นั้นคืออุปาทานใน(สิ่ง)นั้น ๆ” *สํ.ข.๑๗/๓๐๙/๒๐๒
หลักขันธ์ ๕แสดงถึงความเป็นอนัตตาให้เห็นว่าชีวิตเป็นการประชุมเข้าของส่วนประกอบต่าง ๆ หน่วยรวมของส่วนประกอบเหล่านี้ ก็ไม่ใช่ตัวตน ส่วนประกอบแต่ละอย่าง นั้นเองก็ไม่ใช่ตัวตน และสิ่งที่เป็นตัวตนอยู่ต่างหากจากสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มี เมื่อมองเห็นเช่นนั้นแล้ว ก็จะถอนความยึดมั่นในเรื่องตัวตนได้ ความเป็นอนัตตานี้จะเห็นได้ชัดต่อเมื่อเข้าใจกระบวนการของขันธ์ ๕ ในวงจร ปฏิจจสมุปบาท ( คัดจากหนังสือ พุทธธรรม ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป.อ.ปยุตโต หน้า ๒๓ – ๒๔
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น