ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องของชีวิต...ตอนที่ ๗



เรื่องของชีวิต....ตอนที่
เมื่อทำงานเป็นกรรมกรอยู่ในกรุงเทพมาได้ระยะหนึ่ง
จึงกลับไปเป็นครูอยู่ที่ภาคใต้บ้านเกิด
ชีวิตเริ่มจะลงตัวพอสมควรเพราะได้กลับไปอยู่กับแม่ที่จังหวัดสตูล
ขณะนั้นอายุอานามก็พอสมควร เริ่มรู้ตัวเองว่าเป็นผู้ใหญ่พอสมควรแล้ว
ความคิดความอ่านแบบวัยรุ่นที่เห็นสาวสวยเป็นชม้ายตามองไม่เลือกเหมือนหลงติดสาวข้างวัดไม่ดูตาม้าตาเรือก็เป็นบทเรียนให้ต้องคิดและจดจำว่าอย่าเป็นคนมักง่าย
เราเป็นลูกชายคนโต คุณแม่หวังจะให้แต่งงานมีฝังเป็นฝาเสียที่
ตัวเองก็มองไม่เห็นจะมีใครที่พอจะเป็นศรีภรรยาได้จะเป็นว่าเราหาคนที่ชอบไม่ได้หรือไม่มีใครมาสนใจเราก็อาจเป็นไปได้ทั้งสองทาง
อย่างน้อยเรามีอาชีพที่มั่นคงแม้ตำแหน่งจะไม่ใหญ่โต
ความจริงช่วงนั้นเราให้ความสำคัญกับเรื่องผูหญิงอยู่ในอันดับหลังๆกว่าการงานและเรื่องค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและแนวปรัชญาทางการเมือง(ไม่ใช้การเมืองเลือกตั้ง)เพราะเราสนใจมาตั้งแต่อยู่ที่กรุงเทพ

 ช่วงนั้นที่ในเมืองสตูลเขามีการเลือกตั้งคณะเทศมนตรีเมืองสตูล  ที่พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้สนใจจะไปสมัค
แต่มีคนหนึ่งที่สมัครับเลือกตั้งเป็นคนที่เรารูจักแต่ไม่ค่อยรู้ประวัติชีวิตเบื้องหลังท่านเท่าไร
ทราบแต่ว่าท่านเป็นนักกวีเขียนบทกลอนได้ดีคนหนึ่งและภรรยาของท่านเป็นญาติกับท่านศึกษาวินัยซึ่งอดีตเคยเป็นศึกษาธิการจังหวัดสตูลผมรูจักท่านดีท่านนับถือศาสนาอิสลามและเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ
ท่านผู้สมัครับเลือกตั้งเป็นคณะเทศมนตรีเมืองสตูลคนนั้นท่านเป็นนักกวีที่เขียนกลอนได้ดีคนหนึ่งและท่านเป็นนักดื่มด้วย
เมื่อดื่มได้ดีกรีเต็มที่ก็จะไล่กลอนได้ไพเราะเหลือ
ชาวบ้านเรียกชื่อท่านว่า”ครูสุวรรณ” และบางคนเรียกท่านว่า”โกคิ่ม” แน่นอนท่านต้องเคยเป็นครูมาก่อน
มีคนที่รู้จักท่านดีคนหนึ่งซึ่งเป็นญาติๆกับท่านเล่าให้ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่า
เมื่อสมัยท่านหนุ่มๆนั้นก็เมื่อยี่สิบกว่าปีผ่านมาแล้ว
ท่านเป็นครูอยู่ที่เมืองสตูลนี้แหละ ครอบครัวท่านเป็นครอบครัวคนเชื้อสายจีนที่มีฐานะดีมีหลักมีฐาน
เขาเล่าว่าเมื่อตอนที่ท่านหนุ่มๆเป็นหนุ่มที่หล่อพอดู
แน่นอนย่อมเป็นที่หมายตาของสาวๆ 
ในสาวๆเหล่านั้นมีสาวมุสลิมที่หน้าดีคมขำคนหนึ่งมาติดพันธ์ชอบพอกันทั้งสองคนรักกันมาก
แต่มีม่านประเพณีมาขวางกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้
แล้วจะทำอย่างไรเมื่อความรักมันบ่มเพราะมาจนสุกงอมเต็มที่
เมื่อไม่มีทางออกเลยจะทำอย่างไร
ทั้งสองหนุ่มสาวจึงตัดสินใจขบถต่อครอบครัวของตัวเองทั้งสองฝ่าย
จัดหอพายหนีตามกันไปจากครอบครัว เดินทางไกลไปทางเรือทางรถ
เป้าหมายที่ห่างไกลในชนบทห่างไกลความเจริญ
จะโดยบังเอิญหรือมีเพื่อนที่รู้จักอยู่บ้างในถิ่นนั้นก็ได้
จึงไปปักหลักปักฐานอยู่ที่บ้านนาทะเล หาดสำราญ อำเภอปะเหรียญ จังหวัดตรัง
เนื่องจากสมัยนั้นที่ดินยังพอมีให้จับจองได้ สองผัวเมียสร้างบ้านเป็นเรือนหอที่ชายหาดสำราญ
ครูสุวรรณถือว่าเป็นปัญญาชนเป็นคนที่มีความรู้มากกว่าชาวบ้านในชุมชนถิ่นนั้น
จึงเป็นที่ยอมรับนับถือของชาวบ้าน
ครอบครัวครูสุวรรณได้เริ่มอาชีพเป็นร้านค้าขายของชำและเป็นร้านขายน้ำชากาแฟ
ครูสุวรรณออกไปซื้อสินค้าที่ตลาดกันตังสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง  ชาวบ้านส่วนใหญ่ของชุมชนนั้นมีอาชีพเป็นชาวประมง
การทำประมงของชาวบ้านต้องดูวันน้ำขึ้นน้ำลง
เดือนหนึ่งที่เป็นน้ำดีออกหาปลาได้ไม่กี่วัน ส่วนใหญ่ใช้อวนดักกุ้งเป็นหลัก
เมื่อได้กุ้งมาจะมีเถ้าแก่ที่ในเมืองจะมารับซื้อ
ส่วนปลาที่ได้มาจะแบ่งปันกันกินในหมู่ชาวบ้านด้วยกัน และบ้านครูสุวรรณได้กลายเป็นสโมสรให้ชาวบ้านมานั่งคุยกันในวันที่ไม่ออกเรือหาปลา
ส่วนค่าน้ำชากาแฟ และยูกยาอาหารของแห้งของชำก็เซนจากร้านครูสุวรรณไปก่อน
เมื่อขายกุ้งได้ก็นำมาจ่ายกันที่หนึ่ง

ครูสุวรรณมีเพื่อนหลายคนที่ตลาดกันตัง และที่อำเภอปะเหรียญ
ท่านมักจะไปพบปะพูดคุยอยู่เป็นประจำพร้อมกับซื้อสินค้าและหอบเอาหนังสือพิมพ์กลับมาที่บ้านทุกครั้งที่ออกไป........
เนื่องจากช่วงนั้นทางการเขากำลังปราบปรามและจับกุมบุคคลที่มีการกระทำอันคอมมิวนิสต์ 
เมื่อเจ้าหน้าที่สังเกตว่ามีชาวบ้านจับกลุ่มพูดคุยกันเป็นประจำให้สังเกตไว้ก่อนว่าน่าจะเป็นการปลุกระดมล้างสมองของคอมมิวนิสต์ 
ถ้าชาวบ้านฉลาดพูดจาฉะฉานแสดงว่าถูกคอมมิวนิสต์ล้างสมองแล้ว   จึงมีการจับกุมชาวบ้านเกิดขึ้น  ลุงเทียรที่ตลาดกันตังซึ่งเป็นเพื่อนกับครูสุวรรณถูกทางการกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาจับตัวท่านได้หนีเข้าป่า
และได้ไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
และตอนหลังได้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศจีน 
ครูสุวรรณก็ถูกทางการหมายตาอยู่
และขณะนั้นท่านมีลูกสาวคนเดียวกำลังเติบโตเป็นวัยรุ่นแล้ว
จะหนีไปทิ้งครอบครัวก็เป็นห่วงลูก หากไม่หนีถ้าโดนจับก็เป็นปัญหาเช่นกัน
เพราะคนที่โดนจับไปก็มีการสูญหาย
ในที่สุดชาวบ้านเขาพูดกันว่าครูสุวรรณเป็นบ้าถูกล่ำโซอยู่ในบ้าน
หลังจากนั้นไม่มีใครเห็นครูสุวรรณไปที่ตลาดกันตังอีก
ครูสุวรรณเห็นท่าจะอยู่ที่บ้านหาดสำราญลำบากเสียแล้ว
ในที่สุดครูสุวรรณต้องพาครอบครัวลงเรือหนีกลับมาสตูลบ้านเกิด.......
อย่างไรก็ตามชีวิตยังดำเนินต่อไปในตอนที่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นิทานสุภาษิตจีนเรื่อง ลุงโง่ย้ายภูเขา

   มีชายชราคนหนึ่งชื่อว่า ลุงหยูกง แกตั้งบ้านเรือนอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่หลังภูเขาสองลูกชื่อว่า ไท่เชียงและหวังหวู ภูเขาสองลูกนี้ สูงนับพัน เริน กว้างใหญ่ถึง 700 ตารางลี้ ทุกคนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่หลังเขาทั้งสองลูกนี้ ไม่สะดวกในการเดินทางเพราะภูเขามาปิดกันความ สะดวกสบาย แต่ด้วยความเคยชินไม่มีใครสนใจต่ออุปสักข้อนี้ ลุงหยูกงแกก็ใช้ชีวิติไปตามปกติเหมือนคนทั่วไป หรือแกจะคิดถึงอุปสักข้อนี้ อยู่บ้างตามนิทานก็ไม่ได้บันทึกไว้ และอีกข้อหนึ่งที่นิทานไม่ได้บันทึกไว้ก็คือไม่เคยปรากฏว่าแกเคยเป็นกำานัน ตามนิทานจึงไม่เรียกแกว่า “ลุง กำานัน  หยูกง”   จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งแกเกิดดำาริขึ้นในใจว่า”เราก็ทำาอะไรต่อมิอะไรมาในชีวิติมากมายถูกบ้างผิดบ้างเป็ นธรรมดาของคน สามัญทั่วๆไป แต่ครั้งนี้เราได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วว่า ไอ้ภูเขาสองลูกนี้ที่ขวางความเจริญของหมู่บ้านเราอยู่นี้ จะต้องขุดย้ายออกไป ไม่ให้เป็นอุปสักขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของหมู่บ้านต่อไปอีก ว่าแล้วแกก็ชวนลูกหลานและเพื่อนบ้านที่เห็นด้วยกับแกให้มาช่วยกันขุดย้าย ภูเขา ยังมีเพื่อนบ้านของลุงหยูกงคนหนึ่งชื่อว่า ลุงจือโช่ว เม

ภาวะมลพิษจากโรงกลั่นน้ำมัน

ภาวะมลพิษจากโรงกลั่นน้ำมัน ( ผศ.ดร. สุปราณี แก้วภิรมย์) เป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนที่จะใช้ประโยชน์จากปิโตรเลียมนั้น ปิโตรเลียมหรือน้ำมันดิบที่ค้นพบจะถูกนำมากลั่นเสียก่อน การกลั่นน้ำมันดิบก็คือการย่อยสลายส่วนประกอบของปิโตรเลียมออกเป็นส่วนต่างๆ ที่แตกต่างกันมากมาย เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันดีเซล น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเตา ถ่านโค้ก ขี้ผึ้ง ยางมะ-ตอย และแก๊สหุงต้ม เป็นต้น   โรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 7 แห่ง ได้แก่โรงกลั่นน้ำมันบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) โรงกลั่นน้ำมันบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด โรงกลั่นน้ำมันบริษัทโรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด โรงกลั่นน้ำมันบริษัทสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง จำกัด โรงกลั่นน้ำมันบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) โรงกลั่นน้ำมันบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) และ โรงกลั่นน้ำมันบริษัทระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) โรงกลั่นน้ำมันเหล่านี้เกือบทั้งหมดตั้งอยู่ที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และระยอง และเป็นที่น่าสังเกตว่าประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นดังกล่า

พุทธคือวิถีแห่งปัญญา (ตอนที่ ๒)

พุทธคือวิถีแห่งปัญญา (ตอนที่ ๒)   ถ้าหากจะต้องจัดลำดับใหม่ให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น มรรคที่มีองค์ประกอบ ๘ ประการดังกล่าวก็คือ สิกขา ๓ หรือไตรสิกขาที่เรียกว่า อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญาสิกขา สิกขา   ตามความหมายของพุทธนั้น คือ กระบวนการรับรู้หรือเรียนรู้ที่ผ่านการปฏิบัติและได้ประจักษ์แจ้งจริง ส่วน อธิ นั้นหมายถึง ใหญ่ หรือสำคัญ ดังนั้น อธิและสิกขาก็คือการเรียนรู้ยิ่งขึ้นไปของศีล จิตต (สมาธิ) และปัญญา อันเป็นลักษณะพลวัตของไตรสิกขาดังกล่าว หรือกล่าวโดยย่อก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา คือ องค์ประกอบสำคัญที่จำเป็นจะต้องมีการพัฒนายิ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อการบรรลุนิพพานนั่นเอง จึงจำแนกได้ดังนี้      ดังนั้นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่จะยกระดับจิตของมนุษย์ก็คือปัญญาซึ่งเป็นจุดเน้นที่สำคัญที่สุดของพุทธธรรมและเนื่องจากปัญญามีความสำคัญที่สุดกระบวนการสร้างปัญญาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งจุดนี้เป็นจุดที่ขาดหายไปจากการวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มนุษยนิยม        เพื่อการเข้าใจที่ชัดเจนของกระบวนการยกระดับหรือสร้างเสริมทางปัญญา  จะต้องหันกลับมาศึกษาองค์ประกอบของมนุษ