กรุงปักกิ่งหรือเบจิง( Beijing) เมืองหลวงของประเทศจีนเคยประสบภาวะฝุ่นละอองพิษหรือมลภาวะในอากาศหนักกว่ากรุงเทพในวันนี้ แต่เขาแก้ได้ด้วยการใช้มาตรการแก้ที่ต้นเหตุ
กกมล กมลตระกูล
กรุงปักกิ่งหรือเบจิง( Beijing) เมืองหลวงของประเทศจีนเคยประสบภาวะฝุ่นละอองพิษหรือมลภาวะในอากาศหนักกว่ากรุงเทพในวันนี้ แต่เขาแก้ได้ด้วยการใช้มาตรการแก้ที่ต้นเหตุ
ด้วยการใช้มาตรการแก้ที่ต้นเหตุ อย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เช่น ห้ามใช้มอเตอร์ไซค์ที่ใช้พลังงานฟอสซิลทุกชนิดวิ่งในเมือง รถมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งได้อนุญาตเฉพาะรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าเท่านั้น รถเมล์รถแท๊กซี่ก็ต้องเป็นรถที่ใช้พลังงานสะอาด โรงงานชานเมืองและในเมืองบริวารต้องเปลี่ยนจากการใช้พลังงานถ่านหินมาใช้พลังงานสะอาดแทน
แต่ กรุงเทพมหานครมีรถมอเตอร์ไซด์ วิ่งบนท้องถนนมากกว่าล้านคัน บวกรถกะบะขนส่งสินค้า รถเมล์ รถบรรทุก รถส่วนตัว รถแท๊กซี่ หลายแสนคันที่ใช้น้ำมันวิ่งตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีการควบคุมให้ใช้พลังงานสะอาดเท่านั้นจึงอนุญาตให้วิ่งได้ การห้ามรถบางประเภท ห้ามวิ่ง หรือห้ามวิ่งบางวัน ไม่ได้ตอบโจทย์ในระยะยาว หากยังยอมให้รถใช้พลังงานฟอสซิลขายอย่างลดแลกแจกแถมแบบทุกวันนี้
ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ล้วนต้องพึ่งระบบ logistics เพื่อนำสินค้ามารับส่งในใจกลางเมือง โดยไม่มีการจัดโซนนิ่ง ให้ออกไปอยู่นอกเมืองอย่างในต่างประเทศ
โรงงานต่างๆรอบๆกรุงเทพและเมืองบริวาร นิคมอุตสาหกรรม โรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC ภาคตะวันออก ล้วนไม่มีการควบคุมให้ใช้พลังงานสะอาด แต่กลับส่งเสริม จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ซึ่งเคยเป็นเมืองประมงแต่กลับไม่กำหนดโซนนิ่งจำกัดโรงงาน ปล่อยให้สร้างโรงงาน สร้างนิคมอุตสาหกรรมใช้พลังงานถ่านหินที่กระทบความปลอดภัยของอาหารทะเล และปล่อยควันพิษจนกลายเป็นเขตมลภาวะสีแดง ลามมาถึงชานเมืองกรุงเทพ ฯลฯ
ยกตัวอย่างมาเพียง 2-3 เรื่องที่เป็นสาเหตุของฝุ่นละอองพิษที่ที่ล่องลอยครอบคลุมทั่วกรุงเทพที่กระทบสุขภาพของชาวกรุงอย่างไม่ละเว้นทั้งเด็ก ทั้งคนชรา ทั้งคนรวย ทั้งคนจนให้ตายผ่อนส่ง
รัฐบาลจะกล้าใช้มาตรการจัดการกับต้นเหตุที่ยกมาอย่างที่รัฐบาลจีนทำเพื่อประชาชนหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการลูบหน้าปะจมูกกลุ่มผลประโยชน์หลายกลุ่ม โดยเฉพาะหลายกลุ่มนี้ มีบทบาทอยู่เบื้องหลังรัฐบาลที่มีพันธกิจในการคืนความสุขให้กับประชาชน เข้าลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งคงไม่ยอมทุบหม้อข้าวของตนเอง
ดังนั้นเราจึงเห็นมาตรการ ทำได้แค่มาตรการแก้ปลายเหตุอย่างหน่อมแน้ม เหมือนเด็กเล่นขายของ เป็นการขายผ้าเอาหน้ารอดรายวัน?
ณ. วันนี้ ผมไม่มีความหวัง และไม่มีข้อเสนอและทางออกไม่ว่าจะปัญหาเรื่องฝุ่นพิษ เรื่องการเมือง เรื่องการผูกขาดพลังงานและโก่งราคาแพง เรื่องการหมาจรจัดที่ไล่ฟัดเด็กตาย เรื่องการแมว จรจัด เรื่องการลิงล้นบางเขตบางจังหวัด เรื่องยาเสพติดล้นเมือง ที่จับได้รายใหญ่รายวัน เรื่องปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำลำคลองจนเน่า เรื่องรุกทำลายป่าสร้างรีสอร์ต หรือปลูกพืชเชิงเดี่ยว จนภูเขาโล้นเป็นเทือกๆ ฯลฯ !
อยากฟังเสียง คนที่ยังมีความหวังครับ?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น