การบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้าเกิดจากการใช้ความเพียรที่มนุษย์ทุกคนสามารถบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้หากใช้ความเพียรตามที่พระองค์ทรงชี้ทางไว้
ในบรรดาศาสดาแห่งศาสนาทั้งหลาย
พระพุทธเจ้า ก็เป็นศาสดาพระองค์เดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ทรงอ้างพระองค์ว่าเป็นอะไรอื่นนอกจากมนุษย์ธรรมดาแท้ๆ
ส่วนศาสดาทั้งหลายอื่นนั้นไม่เป็นพระเจ้าเสียเอง ก็เป็นอวตารของพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ
หรือมิฉะนั้นก็ได้รับความบันดาลใจจากพระเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ใช่เป็นแต่เพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
พระองค์ยังมิได้ทรงอ้างการดลใจจากเทพเจ้า หรืออำนาจภายนอกแต่อย่างใดทั้งสิ้นอีกด้วย
พระองค์ถือว่าการตรัสรู้ การบรรลุธรรม และความสำเร็จของพระองค์ทั้งหมดเป็นความพยายามของมนุษย์
และเป็นสติปัญญาของมนุษย์ มนุษย์และเฉพาะมนุษย์เท่านั้นสามารถจะเป็นพระพุทธเจ้าได้
มนุษย์ทุกคนมี มีศักยภาพ ในการเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ในตัวเอง ถ้าหากเขาปรารถนาอย่างนั้น
และทำความเพียรพยายาม เราจะเรียกพระพุทธเจ้าว่าเป็นมนุษย์ผู้ยอดเยี่ยมก็ได้ พระพุทธเจ้านั้นทรงมีความเป็นมนุษย์อยู่ในพระองค์เสียจนกระทั่งว่า
พระองค์ได้รับการนับถือแบบศาสนาของชาวบ้าน ดังหนึ่งว่าเป็นผู้เหนือมนุษย์
ตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว ฐานะของมนุษย์เป็นฐานะที่สูงสุด มนุษย์เป็นนายของตนเอง
และไม่มีอำนาจวิเศษหรือกำลังอื่นใดที่จะมาพิจารณาตัดสินชี้ขาดชะตากรรมของมนุษย์ได้
พระพุทธองค์ตรัสว่า “ตนเป็นที่พึ่งของตน
ใครอื่นจะสามารถเป็นที่พึ่งของเรา ได้เล่า” พระองค์ได้ประทานโอวาทแก่สาวกทั้งหลายของพระองค์ให้เป็นที่พึ่งแก่ตนเอง
และไม่ยอมให้แสวงหาที่พึ่ง หรือความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นใดอีก พระองค์ได้ตรัสสอน ส่งเสริมและกระตุ้นเตือนให้บุคคลแต่ละคนได้พัฒนาตนเอง และทำความหลุดพ้นของตนให้สำเร็จ เพราะมนุษย์มีพลังที่จะปลดปล่อยตนเองจากสังโยชน์ด้วยอาศัยความเพียรและสติปัญญาอันเป็นส่วนเฉพาะตัวได้พระพุทธองค์ตรัสว่า
“ท่านทั้งหลายพึงทำกิจของตนเอง เพราะว่าตถาคตเพียงแต่บอกทางให้”
ถ้าหากพระพุทธเจ้าได้รับพระนามว่า พระผู้ไถ่บาป (พระมหาไถ่) ได้บ้างแล้วไซร้มันก็เป็นได้เฉพาะความหมายที่ว่า
พระองค์ได้ทรงค้นพบและทรง ชี้มรรคาไปสู่ความหลุดพ้น(นิพพาน)
เท่านั้น แต่เราจะต้องปฏิบัติตามมรรคานั้นด้วยตัวของเราเอง
โดยหลักการแห่งความรับผิดชอบของบุคคลแต่ละคนนี้แหละ พระพุทธเจ้าได้ทรงประทานอิสรภาพแห่งความคิดแก่สาวกของพระองค์
ในมหาปรินิพพานสูตร พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า“พระองค์ไม่เคยดำริถึงการบังคับควบคุมคณะสงฆ์เลย
และพระองค์ไม่ต้องการที่จะให้คณะสงฆ์ต้องมาคอยพึ่งพาอาศัยอยู่เรื่อยไป” พระองค์ตรัสว่า “ไม่มีหลักธรรมวงใน (จำกัดเฉพาะ) ในคำสั่งสอนของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนไว้ในกำปั้นของอาจารย์
(อาจริยมุฎฐิ)” หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า
“ไม่มีสิ่งใดซ่อนไว้ไม่มีอะไรปิดบัง”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น