ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2018

สิ่งนี้ที่เราดู เราฟัง เราติดตาม

สิ่งนี้ที่เราดู เราฟัง เราติดตามด้วยจิตใจที่มีธรรมวิจัย เราพบสิ่งที่ทำให้พ้นทุกข์ด้.....สาธุ https://www.facebook.com/dhammahomefellowship/videos/253223805384413/ และสิ่งนี้ก็ได้ดูและติดตามจึงรู้ความจริงในสิ่งที่เห็น เห็นสิ่งที่เกิดจากจิตที่ปรุงแต่งแล้วด้วยเจตสิกที่เป็นอวิชชาคือความไม่รู้หรือความโง่ https://www.facebook.com/Samanabodhirak.DhamaMedia/videos/1070946243067207

เรื่องของชีวิต...ตอนที่ ๗

เรื่องของชีวิต....ตอนที่ ๗ เมื่อทำงานเป็นกรรมกรอยู่ในกรุงเทพมาได้ระยะหนึ่ง จึงกลับไปเป็นครูอยู่ที่ภาคใต้บ้านเกิด ชีวิตเริ่มจะลงตัวพอสมควรเพราะได้กลับไปอยู่กับแม่ที่จังหวัดสตูล ขณะนั้นอายุอานามก็พอสมควร เริ่มรู้ตัวเองว่าเป็นผู้ใหญ่พอสมควรแล้ว ความคิดความอ่านแบบวัยรุ่นที่เห็นสาวสวยเป็นชม้ายตามองไม่เลือกเหมือนหลงติดสาวข้างวัดไม่ดูตาม้าตาเรือก็เป็นบทเรียนให้ต้องคิดและจดจำว่าอย่าเป็นคนมักง่าย เราเป็นลูกชายคนโต คุณแม่หวังจะให้แต่งงานมีฝังเป็นฝาเสียที่ ตัวเองก็มองไม่เห็นจะมีใครที่พอจะเป็นศรีภรรยาได้จะเป็นว่าเราหาคนที่ชอบไม่ได้หรือไม่มีใครมาสนใจเราก็อาจเป็นไปได้ทั้งสองทาง อย่างน้อยเรามีอาชีพที่มั่นคงแม้ตำแหน่งจะไม่ใหญ่โต ความจริงช่วงนั้นเราให้ความสำคัญกับเรื่องผูหญิงอยู่ในอันดับหลังๆกว่าการงานและเรื่องค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและแนวปรัชญาทางการเมือง(ไม่ใช้การเมืองเลือกตั้ง)เพราะเราสนใจมาตั้งแต่อยู่ที่กรุงเทพ   ช่วงนั้นที่ในเมืองสตูลเขามีการเลือกตั้งคณะเทศมนตรีเมืองสตูล   ที่พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้สนใจจะไปสมัค แต่มีคนหนึ่งที่สมัครับเลือกตั้งเป็นคนที่เรารูจักแต่ไม่ค่อยรู้ประ

เรื่องของชีวิต....ตอนที่ ๖

เรื่องของชีวิต....ตอนที่ ๖ ช่วงที่ผมเรียนอยู่ในระดับ ปวส.อยู่ที่กรุงเทพ ผมอาศัยเป็นศิษย์วัดอยู่แถวฝั่งธนบุรี วัดนี้มีอะไรๆพร้อมสมบูรณ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับพระ ผมอยู่กับพระที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสงฆ์ซึ่งจะเป็นพระวัยหนุ่ม ก็น่าเลื่อมใสทั้งด้านวินัยและศีลของสงฆ์ ก็มีอยู่บ้างที่ดูแล้วศีลและวินัยน่าจะขาดตกไปบ้างเล็กๆน้อยๆแต่พวกเราลูกศิษย์พอรับได้ จะมีพระอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นพระที่อายุมากหน่อยที่จำพรรษาในวัดนี้มานาน พระกลุ่มนี้เป็นพระรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ พระหมอดู พระทำเครื่องรางของขลัง ที่น่าสนใจมีพระหมอดูอยู่องค์หนึ่งอายุไม่น่าจะเกิน ๕๐ ซึ่งสนิทกับผมมาก ผมมักจะไปนั่งคุยกับท่านบ่อยๆไม่ใช่ไปดูหมอเพราะชีวิตผมไม่เคยดูหมอดูเลย ที่น่าสนใจคือจะมีผู้หญิงสาวๆมาดูหมอกับท่านมาก บางรายมาปรึกษาปัญหาชีวิต   มีสาวอยู่คนหนึ่งหน้าตาถือว่าสวย ดูกิริยามารยาทก็เรียบร้อยดีชอบมาหาพระหมอดูบ่อย ผมเห็นเธอแล้วติดใจในเสน่ห์เธอ เริ่มชะม้ายสายตามองเธอบ่อยๆ ดูท่าทางเธอก็ตอบรับ จนกระทั้งได้พูดคุยกันหลายครั้งเมือเจอกันที่หน้าวัด ผมเคยติดตามสะกดลอยเธอไปหลายครั้งว่าบ้านเธออยู่แถวไหนโดยไม่ให้เธอรู้ตัว ปรากฏว่าเธอ

เรื่องของชีวิต..ตอนที่๕

เรื่องของชีวิต . ...ตอนที่๕ วันนี้ออกน อกเรื่องที่ผมได้เขียนบทความ”เรื่องของชีวิต”สักหน่อย....มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเข้าป่าไป ทางจัดตั้งได้มอบหมายให้ผมไปทำโรงเรียนสำหรับเด็กๆลูกๆของนักปฏิวัติที่เข้าป่าช่วงอายุตั้งแต่ ๕ – ๑๕ ขวบเพื่อลดภาระให้สหายได้ปฏิบัติภาระหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถไม่ต้องพะวงเป็นห่วงเรื่องการดุแลอบรมให้การศึกษาของลูกๆ ท่ามกลางความขัดสนและจำกัดของอุปกรการเรียนการสอนและหนังสือตำราเรียน  แต่พวกเราที่ได้รับมอบหมายภาระหน้าที่นี้แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนสหายอื่นที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ที่แนวหน้า จำได้สิ่งที่พวกเราทำหลักสูตรมี่สิ่งหนึ่งที่เราเน้นให้เด็กทำเป็นกิจวัตรประจำวันคือให้เด็กเขียนรายงานและมารายงานหน้าชั้นในเรื่องที่เกิดขึ้นประจำวันรอบๆตัวเขาและรอบท้องถิ่นที่เขาอาศัยอยู่และอีกเรื่องกนึ่งที่ให้ทุกคนต้องบันทึกประวัติศาสตร์ชีวิตของตัวเอง ครอบครัวและเครือญาติ ด้วยเหตุผลที่เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ไม่เฉพาะประวัติศาสตร์ของคนชั้นสูงในสังคมซึ่งห่างไกลจากชีวิตของตัวเอง ประวัติศาสตร์เป็นของทุกคนในสังคมแม้คนตัวเล็กตัวน้อย และนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมพยายามเขียนบทความ

เรื่องของชีวิต....ตอนที่ ๔

เรื่องของชีวิต....ตอนที่ ๔ พ่อผมเป็นคนธรรมะ ธรรมโม เคยบวชเรียนอยู่หลายพรรษา และเคยมาอยู่ที่กรุงเทพช่วงระยะหนึ่ง เมื่อสึกออกมามีครอบครัวชาวบ้านยอมรับให้ความเคารพนับถือ พ่อมีความเมตตาต่อผู้ที่ขัดสนกว่า ใจบุญสุนทาน ที่บ้านจึงมีคนที่พ่ออุปถัมภ์เลี้ยงดูอยู่หลายคน มีอยู่คนหนึ่งอยู่กับพ่อมาตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งพวกเรานับถือว่าเป็นพี่ชายคนโตในครอบครัว   พี่ชายคนนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวแรงที่สำคัญในครอบครัว ช่วยทำงานที่สำคัญๆแทนพ่อในหลายๆเรื่อง และเป็นคนเลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เล็กๆ ไปดูหนังลุง ดูมโนรา หรือไปงานอะไรผมจะอยู่บนบ่าของพี่ชายคนนี้ตลอดแกเรียกผมว่า”ไอ้ตัวหนุ่ย”   ผมมีพี่สาวแท้ๆสองคน ก่อนพ่อเสียชีวิตพี่สาวคนโตกำลังอยู่ในช่วงวัยสาว หน้าตาก็ถือว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งในละแวกนั้น   มีชายหนุ่มหลายคนมาชอบพอ ครูผมที่โรงเรียนก็ชอบพีสาวผม เคยให้ผมซ้อนท้ายจักรยานกลับบ้านตอนเลิกเรียน และเคยฝากจดหมายไปให้พี่สาวผม สังเกตว่าพี่สาวก็คงชอบครูผม และยังมีชายหนุ่มอีกคนซึ่งเป็นลูกคนรวยแต่มีนิสัยเป็นนักเลงหัวไม้ เคยมีแม่สื่อมาเรียบๆเคียงจะมาขอพี่สาวผม พอพ่อทราบเรื่องนี้เข้าได้ประกาศทันทีว่า”กูจะไม่ให้ลูกสาวกูก

เรื่องของชีวิต....ตอนที่ ๓

เรื่องของชีวิต... .ตอนที่ ๓ ตอนผม เด็ก ๆผมต้องช่วยพ่อเลี้ยงวัว วัวที่เลี้ยงจะมีทั้งวัวที่ใช้แรงงานคือใช้ไถนากับวัวหนุ่มที่เลี้ยงเป็นวัวชน วัวชนจะเลี้ยงเป็นพิเศษ อาหารจะให้อาหารดีๆ   ให้กินหญ้าอ่อนๆ นอนในมุ้ง ช่วงเช้าจะต้องจูงเดินออกกำลังให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรงและทุกวันจะต้องอาบน้ำ ถูตัว ส่วนวัวไถนาก็เลี้ยงไปตามที่เคยเลี้ยงกันมาแต่ดั้งเดิมคือให้กินฟางแห้งหรือปล่อยให้เล็มหญ้ากินเอง ตอนเย็นก็ต้อนเข้าคอก คอกวัวจะทำด้วยไม้ที่แข็งแรงพอสมควร แต่ประตูคอกวัวจะต้องแข็งแรงมากหน่อยโดยใช้ไม้ที่แข็งแรงสอดเข้าในช่องสองข้างขอบประตูประมาน สามหรือสี่ขั้นในช่องสอดไม้จะตอกด้วยลิ้มไม้ให้แน่นหนา เวลาจะเปิดประตูจะต้องตอกลิ้มออก การปิดประตูคอกวัวโดยการตอกลิ้มอย่างแข็งแรงนี้ไม่ใช้จะกลัวว่าวัวมันจะเลื่อนไม้ประตูแล้วหนีออกไป แต่เขาป้องกันโจรลักวัวเพราะว่าถ้าโจรจะเข้าไปลักวัวจะต้องตอกลิ้มประตูรั้วทำให้เจ้าของวัวได้ยินตื่นขึ้นมาทัน ….ตอนเด็กๆ การได้ยินเสียงตีเกราะตอนดึกๆจะมีเป็นประจำเพื่อเป็นสัญญาณ ให้ เพื่อน บ้านรู้ว่ามีเหตุร้ายเช่นโจรเข้าปล้นบ้านหรือโจรลักวัวให้คนที่แข็งแรงไปรวมตัวกันเพื่อติดตามโจร

เรื่องของชีวิต....ตอนที่2

เรื่องของชีวิต.... ตอนผมเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๔ อายุประมาณ ๑๐ ขวบ คุณพ่อผมเสียชีวิตจากอาคารโรงเรียนพังทับ คุณพ่อผมไม่ได้เป็นครู แต่ไปธุระที่โรงเรียน วันนั้นฝนตกหนักพายุแรงมาก ขณะที่นั่งคุยอยู่กับครูได้ยินเสียงอาคารลั่น กระเบื้องมุงหลังคาปลิว ทั้งคุณครูและคุณพ่อไล่เด็กให้ออกจากอาคารเรียน ขณะที่กำลังวิ่งออกคุณพ่อเหลือบไปเห็นเด็กอีกสองสามคนยังหลบฝนอยู่ในอาคารเรียน ท่านจึงวิ่งกลับไปในอาคารเรียนไล่เด็กให้วิ่งออกเมื่อเห็นเด็กวิ่งกันออกหมดท่านจึงวิ่งตามออกไป ในวินาทีนั้นอาคารก็พังลงมาขณะที่ท่านวิ่งออกมาพ้นอาคารแล้ว แต่ชิ้นส่วนของอาคารฟาดมาทับร่างของท่านเสียชีวิตทันที่ ครอบครัวเรานอกจากเป็นครอบครัวชาวนาแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังเป็นพ่อค้าแม่ค้า รับซื้อน้ำตาลโตนดเพื่อนำไปแปรรูปเป็นน้ำตาลแว่นเพื่อไปขายให้ผู้บริโภคตามตลาดนัดต่างๆนอกถิ่น และน้ำตาลส่วนหนึ่งรวบรวมส่งโรงงานทำสุราในตัวเมืองสงขลา เมื่อพ่อเสียชีวิตทำให้ครอบครัวมีปัญหามากทั้งทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในครอบครัว ในสมัยนั้นบ้านเมืองยังป่าเถื่อน มีการฉุดหญิงสาวไปทำเมีย เรื่องโจรเข้าปล้นบ้านและโจรลักวัว การฆ่ากันตายอย่างป่าเถื่อนเรื

เรื่องของชีวิต

เรื่องของชีวิต..... วันนี้ตื่นนอนแต่เช้าตรู่ นั่งดูใบไม้ร่วงเต็มสนามหญ้าหน้าบ้าน ในสมองก็ล่องลอยไปไกลคิดถึงอะไรๆ ต่างๆ นานา ที่ผ่านมาในชีวิต ครั้งเด็กๆอยู่บ้านนอก หน้านี้อยู่ที่ปักษ์ใต้น้ำนองเขาทำนาใช้ชีวิตหากบหาปลาตามทุ่งนา พอหน้าแล้งจับลูกคลักตามปลักขี้วัวปลักขี้ควาย จำได้จบ ป.๔ แล้วเพื่อนเขาเรียนต่อ ม.๑ เรายังเลี้ยงปลากัดเลี้ยงไก่ชนอยู่ปีหรือสองปี จนมีญาติคนหนึ่งเขาพาไปเรียนต่อ ม.๑ ที่จังหวัดสตูล จนจบ ม.๖ (เท่ากับ ม.๓ ในปัจจุบัน)จบมาได้อย่างลำบากลำบนเพราะเป็นคนเรียนหนังสืออ่อนมากเป็นนักเรียนหลังห้องมาตลอด จบ ม.๖ แล้วเพื่อนๆเขาไปเรียนฝึกหัดครูกันเป็นส่วนมากที่ไปเรียนต่อ ม.๗ ม.๘ มีน้อยมาก แต่เราไม่ชอบเป็นครูจะไปเรียน ม.๗ ม.๘ คิดว่าคงไม่ไหว แต่ในใจก็ใฝ่ฝันอยู่ยากจะเป็น นักวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกร เรียนอ่อนอย่างเรามันเป็นเรื่องหมาเห่าเครื่องบิน   จึงตัดสินใจสอบเข้าเรียนต่อที่ วิทยาลัยเทคนิคภาคใต้   ไม่รู้ว่ามันฟลุคหรือว่าอาจารย์ตรวจข้อสอบผิด จึงสอบติด ในจำจวนผู้เข้าสอบไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ คน และสอบติดได้ที่หนึ่ง จึงหงึกเหิมว่าตัวเองก็เก่งเหมือนกัน ตั้งแต่นั้นจึงตั้งใจเรียน ในชั้นเรียน